125 จำนวนผู้เข้าชม |
เมื่อพูดถึงแดด หลายคนคงคิดไปตามๆ กันว่าเป็นสิ่งที่หลายคนไม่อยากพบเจอ เนื่องจากแดดเป็นสิ่งที่ส่งผลเสียต่อร่างกายทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะผิวหนัง ซึ่งแดดเมืองไทยอาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง เพราะรังสียูวีประกอบด้วยรังสี UVA, UVB และ UVC ซึ่งสามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนังได้ แล้วแดดเมืองไทยอาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง วันนี้ NBL จะมาอธิบายให้คุณเข้าใจมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากรังสียูวีประกอบด้วยรังสี UVA, UVB และ UVC ซึ่งสามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนังได้ จึงทำให้แดดเมืองไทยอาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังที่อธิบายได้ดังนี้
รังสียูวีประกอบด้วยรังสี UVA, UVB และ UVC ซึ่งสามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนังได้
รังสียูวีสามารถทำให้คอลลาเจนในผิวหนังถูกทำลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับความยืดหยุ่นและความสุขภาพดีของผิวหนัง
โรคมะเร็งผิวหนัง: รังสี UV สามารถทำลาย DNA และกระตุ้นการเกิดมะเร็งผิวหนัง
โรคฝ้า (melasma): การกระตุ้นจากรังสี UV สามารถทำให้เกิดฝ้า ผื่นสีน้ำตาลบนใบหน้า
โรคต้อเนื้อ (Pterygium): เป็นเนื้อรูปสามเหลี่ยมสีแดงที่เกิดจากสัมผัสของรังสี UV กับเยื่อบุตา
โรคลมแดด (Heat Stroke): เกิดจากความร้อนจัดเกินไป ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอาการหน้ามืด ตาลาย เป็นลม และช็อก
โรคมะเร็งผิวหนัง (Skin Cancer) เป็นโรคที่เกิดจากการที่เซลล์ในผิวหนังเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างไม่ปกติ ซึ่งส่งผลให้เกิดก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็ง มีสาเหตุจากการสัมผัสแสงแดดโดยไม่ระมัดระวัง
หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10.00-16.00 น.: เป็นช่วงเวลาที่แสงแดดมีความแรงที่สุด
สวมเสื้อผ้าที่มีความหนาและมิดชิด รวมทั้งสวมหมวกและใช้ร่ม: เพื่อป้องกันการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
ใช้ครีมกันแดด: ควรทาครีมกันแดดทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สูงสุดของแสงแดด ควรเลือกครีมที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป
ให้ใบหน้า แขน และขา สัมผัสกับแสงแดดอ่อนๆ: เวลายามเช้า 10-15 นาที สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
หลีกเลี่ยงการอยู่ในแสงแดดในช่วงเวลาที่แสงแดดมีความแรงที่สุด: คือช่วงเวลา 10.00-16.00 น.
ใช้ครีมกันแดด: เพื่อป้องกันการทำลายผิวหนังจากรังสียูวี และช่วยให้ผิวหนังเสียบางลง
การรับแสงแดดอย่างเหมาะสมและการดูแลผิวเพื่อในการป้องกันจากรังสียูวี จะช่วยให้ได้รับประโยชน์จากแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยไม่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง