143 จำนวนผู้เข้าชม |
ความสมดุลของฮอร์โมน ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพร่างกายและจิตใจ เพราะถ้าฮอร์โมนไม่สมดุล จะส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย และสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ ทำให้การให้ความสำคัญต่อฮอร์โมนนั้น เป็นเรื่องที่คุณไม่ควรละเลย เพราะฮอร์โมนไม่สมดุล ปัญหาที่หญิงชายไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเพศไหนแล้วฮอร์โมนไม่สมดุลคืออะไร วันนี้ NBL จะมาอธิบายให้คุณเข้าใจได้ดังนี้
ฮอร์โมนมีหน้าที่สำคัญในการควบคุมและส่งเสริมการทำงานของร่างกายในหลายๆ ด้าน ดังนี้
-ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตในวัยเด็ก
-ซ่อมแซมและสร้างสรรค์เนื้อเยื่อในร่างกายในวัยผู้ใหญ่
-ส่งเสริมในเรื่องของระบบการเผาผลาญอาหาร
-หากฮอร์โมนไทรอยด์ลดต่ำลง อาจทำให้เกิดการเผาผลาญอาหารลดลง และเป็นสาเหตุของการอ้วน
การเผาผลาญอาหารไม่ได้เกิดจากฮอร์โมนไทรอยด์เพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เช่น การออกกำลังกาย และปริมาณอาหารที่รับประทาน หากคุณยังคงบริโภคอาหารในปริมาณเท่าเดิม แต่ไม่มีการออกกำลังกาย คุณจะมีแนวโน้มที่จะเกิดการสะสมไขมันในร่างกายและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
เมื่อคุณมีอายุมากขึ้น ฮอร์โมนและการเผาผลาญอาหารจะลดลง ส่งผลให้เกิดการสะสมไขมันในร่างกายได้ง่ายขึ้น
-อ่อนเพลีย และ เหนื่อยล้า
-ปวดหลัง และ ปวดข้อ
-ขาดความกระปรี้กระเปร่า
-พละกำลังลดลง
-หน้าผากมัน
-การเจริญเติบโตที่ช้าลง
-ขาดสมาธิ และ ความจำพร่าเลือน
-ซึมเศร้า และ หดหู่
-ท้อแท้ต่อชีวิต
-อารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย
-ตื่นตระหนก และ วิตกกังวล
-มีความเครียดสูง
-ประจำเดือนไม่มาติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือน ที่เรียกว่าอาการวัยทองหรือประจำเดือนหมด (menopause)
-อาการร้อนวูบวาบ และ เหงื่อออก
-เฉื่อยชา และ ขาดชีวิตชีวา
-ปวดศีรษะ
-หน้าอกหย่อนยาน
-ช่องคลอดขาดความชุ่มชื้น
-สุขภาพผมและผิวหนัง และ สุขภาพผิวเสีย
-ขาดสมาธิ และ ความจำพร่าเลือน
-ซึมเศร้า และ หดหู่
-อารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย
-เครียด และ วิตกกังวล
-การตอบสนองทางเพศไม่เป็นที่น่าพอใจ
-ภาวะกระดูกพรุน
การแก้ปัญหาฮอร์โมนไม่สมดุลควรทำด้วยการปรับปรุงพฤติกรรมชีวิต, การรักษาทางการแพทย์, และในบางกรณีอาจจำเป็นต้องใช้ฮอร์โมนทดแทน ดังนี้
-การออกกำลังกาย: ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนและลดความเครียด
-การรับประทานอาหาร: รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน และ มีประโยชน์
-การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น: หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวล
-การวินิจฉัย: ทำการตรวจวัดระดับฮอร์โมนในร่างกาย เพื่อวินิจฉัยปัญหาและสาเหตุของฮอร์โมนไม่สมดุล
-การรักษาโดยใช้ยา: แพทย์อาจสั่งให้รับประทานยาเพื่อปรับฮอร์โมนให้สมดุล
-การรับฮอร์โมนทดแทน: ในบางกรณีที่ฮอร์โมนลดลงมาก แพทย์อาจสั่งให้รับฮอร์โมนทดแทน
ยกระดับสุขภาพ ปรับความสมดุลด้วยสรรพคุณจากนมผึ้ง เพียง 6 บาท ต่อวัน นมผึ้งมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักประมาณ 60-70% และอุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ เช่น โปรตีน น้ำตาล วิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโน นอกจากนี้ ยังพบสารอื่นในนมผึ้ง ได้แก่ กรดไขมันเอชดีเอ(10-Hydroxy-Trans-2-Decenoic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทในการเจริญเติบโตของผึ้ง สารแอซิติลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความรู้สึกและกลไกการทำงานของร่างกาย รวมถึงฮอร์โมนเพศ เช่น เทสโทสเตอโรน โปรเจสเตอโรน เป็นต้น ทั้งนี้สถานที่ ภูมิศาสตร์ และสภาพอากาศเป็นตัวแปรที่ทำให้ส่วนประกอบของนมผึ้งแตกต่างกันออกไป หลายคนเชื่อว่าการรับประทานนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการวัยทอง กระตุ้นระบบภูมิต้านทานร่างกาย รักษาเบาหวาน รวมถึงแผลเบาหวาน เป็นต้น อีกทั้งยังเชื่อกันอีกว่าหากนำนมผึ้งทาที่หนังศีรษะอาจช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย ซึ่งคำกล่าวอ้างเหล่านี้จะเป็นจริงหรือไม่ และมีหลักฐานทางการแพทย์มากน้อยเพียงใดที่จะช่วยยืนยันสรรพคุณ ประโยชน์ และความปลอดภัยของนมผึ้งที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยในการรักษาโรคเหล่านี้
-เป็นยาอายุวัฒนะที่อัศจรรย์ด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยในการชะลอวัยและทำให้สุขภาพแข็งแรง
-มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ช่วยลดปัญหาของสิว ฝ้า กระ ได้
-ช่วยในการรักษาหวัดและหอบหืด
-ช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนและชะลอการเกิดริ้วได้
-ช่วยลดความดันโลหิตและการขยายตัวของหลอดเลือดได้
-ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงให้มีความสมบูรณ์แข็งแรง
-ช่วยในการรักษาบาดแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น
-ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารและมีออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดีมากขึ้น
-มีส่วนช่วยบรรเทาอาการเครียดและช่วยต่อต้านความเครียด
-ช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อดื้อยาต่าง ๆ ได้หลายชนิด
-ช่วยกระตุ้นและเสริมสร้างการทำงานและปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศหญิง